backpack เที่ยว "น่าน - ปัว - บ่อเกลือ 3 วัน 2 คืน" ยังไง ในงบไม่เกิน 2,000 บาท




น่าน....น่ะสิ



สวัสดีค่ะ ด้วยความประทับใจ
เลยอยากจะแชร์ประสบการณ์การ backpack 
เที่ยว "น่าน - ปัว - บ่อเกลือ 3 วัน 2 คืน"
ในงบไม่เกิน 2,000 บาท

ก่อนอื่นมารู้จักน่านแบบคร่าวๆกันก่อนนะคะ!


น่าน เป็นจังหวัด "เมืองรอง" ที่ถูกส่งเสริมให้มีการท่องเที่ยว และยังสามารถนำค่าใช้จ่ายจากการท่องเที่ยวมาลดหย่อนภาษีปี 2561 ได้ด้วย ซึ่งจริงๆแล้วน่านเพิ่งมายอดฮิตติดกระแสท่องเทีย่วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง ด้วยเสหน่ห์ของเมืองน่านที่มีความน่ารักในตัวเอง แถมยังเป็นหนึ่งในเมืองแห่งศิลปวัฒนธรรม ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยล้านนา

เอกลักษณ์สำคัญของเมืองน่านต้องยกให้ภาพจิตรกรรมฝาผนังของ "ปู ม่าน-ย่าม่าน" ที่มีกริยาท่าทางใช้มือป้องปากแววตากรุ้มกริ่มในวัดภูมินทร์ ให้ความรู้สึกคาดเดาไปถึงความรักที่แสนโรแมนติกของหนุ่มสาวจนเกิดเป็นตำนาน "กระซิบรักบันลือโลก" ที่ได้ยินกันอย่าคุ้นหูเลยทีเดียว
เดินไปทางไหนก็เจอภาพ "กระซิบรักบันลือโลก" 
ของ "ปู่ม่าน-ย่าม่าน" 
เป็นเมืองที่โรแมนติกมากจริงๆ


มาเริ่มออกเดินทางกันเลยดีกว่า


PREVIOUS DAY,7:30 PM.: Departure Time (Bankok - Pua)
ออกจากหมอชิตมุ่งหน้าไปอำเภอปัว จังหวัดน่าน By รถทัวร์นี่เอง




DAY 1



6 : 30 AM.
ถึงบขส.ปัว


นั่งวินไปจากบขส.ปัว ไปร้านเช่ามอเตอร์ไซด์ 
จะเดินไปก็ได้นะ 2.5 KM. :) 
ร้านอยู่ตรงข้ามกับตลาดโลตัส เปิด 8.00 AM.
วันละ 300 บาท เราเช่าวันครึ่ง เขาคิด 400 บาท




8 : 30 AM
STATION 1 ฟาร์มเห็ดบ้านหัวนา


เป็นทั้ง cafes & restaurants จะสั่งเป็นกับข้าว อาหารจานเดียว หรือจะไปนั่งชิวกินกาแฟอย่างเดียวก็ได้ ส่วน Signature ของที่นี่ก็หนีไม่พ้นเมนูเห็ดทั้งหลาย(ก็ฟาร์มเห็ดนี่นา) สำหรับวิวและบรรยากาศร้านไม่ผิดหวังแน่นอน แถมข้างหลังยังทำทางเดินไปเที่ยววังศิลาแลงต่อได้ด้วย
บรรยากาศภายในร้าน
ที่ร้านมีโรงเพาะเห็ดด้วยนะ

9 : 00 AM.
STATION 2 วังศิลาแลง   

เดินจากฟาร์มเห็ดบ้านหัวนาไปไม่ไกล ก็จะเจอทางเข้าเป็นฝายส่งน้ำไปยังไร่นาของชุมชนแถวนี้ เดินเข้าไปอีกนิดก็จะถึง "วังศิลาแลง" ที่เปรียบเสมือน แกรนแคนยอน ของเมืองปัว
ทางเดินลงไปวังศิลาแลงที่ทางร้านจัดไว้ให้


พยายามนั่งคิดอยู่พักนึงว่าพี่เขาเรียงหินไว้ทำไม หรืออารมณ์ติส

สภาพทางเดิน สะดวกสบายดี

เดินเข้าป่าไปสัก 50 เมตร


เจอแล้ว....วังศิลาแลง


ขอแทรกความรู้ที่มีอยู่น้อยนนิดนะคะ... ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ทางธรณีวิทยาที่ดีอีกที่หนึ่ง  ลักษณะที่เห็นอยู่นี้เกิดจากรอยเลื่อนปกติ (normal fault) เมื่อมีพลังของน้ำมากัดเซาะ  ตามรอยแตกที่เกิดจากรอยเลื่อน ทำให้เกิดเป็นลักษณะอย่างที่เห็นนี่เอง ซึ่งรอยเลื่อยสำคัญของที่นี่ ก็คือ รอยเลื่อยปัว




10 : 00 AM.
STATION 3 วัดภูเก็ต   


#เปล่ามาทำบุญนะคะ เรามาถ่ายรูป :D

จุดเด่นของที่นี่ไม่ใช่การทำบุญค่ะ แต่เป็นจุดชมวิวทุ่งนา 180 องศานั่นเอง ส่วนเรื่องทำบุญนั้น ให้มาก-ให้น้อย ขึ้นอยู่กับจิตศรัทธาของแต่ละคน
อีกอย่างที่นี่มีวงดนตรีท้องถิ่นมาบรรเลงเพลงให้ฟังด้วยนะคะ หากใครชอบแนวนี้สามารถบริจาคเงินส่งเสริมพวกเขาได้

วิวที่มองจากวัดภูเก็ต
เที่ยวหลักร้อย วิวหลักล้าน
ท่อสีฟ้าในภาพคือท่อให้อาหารปลา ที่มีความเก๋มาก!




ปะ! ขึ้นดอยกันเถอะ มุ่งหน้าสู่...บ่อเกลือ - สะปัน  ด้วยระยะทาง 46 กม.
ทางเลือก มีรถสองแถวจากปัวไปบ่อเกลือให้บริการนะคะ 100 บาท / ถ้าเลยไปสปันเพิ่มอีก 80 บาท





สำหรับการขับรถไปเองนั้น...ไปได้ 2 เส้นทาง คือ

  1. ขับข้ามภูเขาไป ใช้ทางหลวงหมายเลข 1256 (ปัว - บ่อเกลือ) ผ่านอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ทางค่อนข้างอันตรายนึดนึง เพราะโค้งอลังการมาก แต่สามารถค่อยๆขับไปได้ค่ะ
  2. ขับอ้อมไปอีกทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 1080 เส้นทางก็จะสบายขึ้น วิวสวยไม่แพ้กัน ระหว่างทางมีร้าน Atlasnan Coffee ที่ดอยกว่าง ให้นั่งชิวถ่ายรูปเล่นได้อีก



สำหรับทริปนี้....เราเลือกเส้นทางที่ 1 ค่ะ


12 : 00 AM
STATION 4 ถนนลอยฟ้า 1256   


ความประทับใจทริปนี้มันอยู่ที่...ระหว่างเส้นทางที่ไป

คำเตือน ขอให้ขับรถกันอย่างระมัดระวังนะคะ 
เนื่องจากว่าวิวมันล่อตาล่อใจมาก สติอาจจะหลุดได้
#ถ้าคิดว่าวิวไม่สวย โปรดให้อภัยฝีมือถ่ายรูปของเราเอง จริงๆมันสวยเกินคำบรรยาย

มีการเล่าขานว่า...เมืองเก่าของบรรพบุรุษคนเมืองน่านอยู่ในเขตบนเทือกเขาดอยภูคา


ที่นี่เป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำน่าน 

ระหว่างทางนั้นวิวอลังการมาก สวยไปหมด สวยแล้วสวยอีก สวยจนเบื่อ เมื่อไหร่จะถึงสักที โอ้ยย!

อุทยานแห่งชาติดอยภูคา
 มี "ดอยภูคา"  เป็นยอดเขาที่สูงสุดของจังหวัดน่าน  (1,980 m. above MSL.)



ณ จุดชมวิว ที่ทางอุทยานจัดเตรียมไว้
มีลานสำหรับกางเต๊นท์ดูดาว......ด้วยนะ :D

ระหว่างทางเจอผีเสื้อเยอะแยะไปหมด
ไม่กลัวคนอีกต่างหาก เกาะไม่ยอมปล่อย





ถ้าหากว่าโชคดีก็จะเจอหมอกนะคะ
หมอกลงถนนบนเขาจนแทบมองไม่เห็นทางเลยค่ะ
ณ ความสูง ประมาณ 1750 เมตร above mean sea level



สิ้นสุด ถนนลอยฟ้า 1256




14 : 40 AM
STATION 5 ชุมชน "บ่อเกลือ"

เนื่องจากทางค่อนข้างลำบาก บวกกับจอดถ่ายรูปตลอดทาง กว่าจะมาถึงใช้เวลาประมาณ 2.30 ชม.เลยทีเดียว


ชุมชนเล็กๆแห่งนี้ เป็นที่อยู่อาศัยของชาว “ไทลื้อ” ที่อพยพมาจากดินแดนสิบสองพันนา (ปัจจุบันคือมณฑลยูนนาน ประเทศจีน) วิถีชีวิตของคนที่นี่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ทำนา และการทำบ่อเกลือภูเขา ที่ได้ชื่อว่าเป็น “บ่อเกลือภูเขาแห่งเดียวในโลก”



 ภาพนี้เป็น บ่อเกลือ ของชาวบ้าน

บ่อเกลือที่นี่ เป็นบ่อที่มีมาก่อนแล้วตั้งแต่สมัยโบราณ ชาวบ้านอาศัยการตักน้ำเกลือจากบ่อโบราณแห่งนี้ขึ้นมาต้ม ทำเป็นผลิตภัณฑ์เกลือสินเธาว์ สร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน

TOP VIEW ของ บ่อเกลือ
น้ำเกลือในบ่อมาจากโดมเกลือใต้พื้นดิน(salt dome)ที่เกิดขึ้นเองในธรรมชาติตามกระบวนการทางธรณีวิทยา

โรงต้มเกลือ
ปรากฏหลักฐานทางประวัติศาสตร์ตามพงศาวดารเมืองน่าน มีข้อความกล่าวถึงแหล่งผลิตเกลือที่สำคัญ เป็นสาเหตุให้พระเจ้าติโลกราชแห่งเมืองเชียงใหม่ยกทัพมายึดเมืองน่าน เมื่อปีพ.ศ. 1993

เพราะว่าเป็นต้นน้ำ
ตะกอนในแม่น้ำจึงก้อนใหญ่แบบนี้





ไม่ได้นั่งชมวิวนะคะ กำลังนั่งให้อาหารปลา
ไม่น่าเชื่อเลยว่าน้ำที่ไหลเชี่ยวแบบนี้จะมีปลามากินอาหารด้วย
สำหรับคืนนี้... นอนฟังเสียงน้ำไหลที่ดังราวกับเสียงฝนตกตลอดทั้งคืน


ตื่นเช้ามากินกาแฟแบบคูลๆ นั่งรับอากาศสดชื่นริมแม่น้ำเก๋ๆ

บุพเฟ่ต์กล้วย...ที่ป้าเจ้าของที่พักแกแขวนกล้วยไว้ให้กินแบบไม่อั้น




DAY 2

08 : 30 AM
STATION 6 หมู่บ้าน สะปัน



เลยจากบ่อเกลือไปอีกประมาณ 10 km. จะเป็นหมู่บ้านสะปัน ชุมชนเล็กๆ บรรรยากาศดีๆ ท่ามกลางหุบเขา นอกจากที่พักในบ่อเกลือแล้ว สปันก็เป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจ





วิวบนเชิงเขา บริเวณท้ายหมู่บ้านสะปัน

09 : 30 AM
STATION 7 น้ำตกสะปัน

มีเส้นทางสำหรับเดินเข้าไปเยี่ยมชมน้ำตกสปันในระยะทางที่ไม่ไกลมาก เป็นน้ำตกเล็กๆที่สวยงามและมีความอุมดมสมบูรณ์ แต่..ไม่เหมาะกับการลงเล่นน้ำ

เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่น่าสนใจอีกแห่งหนึ่ง สำหรับคนที่อยากมาสัมผัสวิถีชีวิตของคนที่นี่ หรืออยากเรียนรู้วิธีทำเกลือสินสินเธาว์ภูเขาแห่งนี้ สามารถเที่ยวมาได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้าหากเป็นช่วงเข้าพรรษา อาจจะพลาดชมการต้มเกลือของชาวบ้านเนื่องจากประเพณีของชาวบ้านที่นี่จะงดทำเกลือในช่วงนี้ ซึ่งเหตุผลน่าจะมาจากปริมาณน้ำท่าสูงในช่วงฤดูฝน ชาวบ้านจะต้องตักน้ำจืดออกจากน้ำเกลือที่ทำให้ยากต่อการทำเกลือสินเธาว์นั่นเอง

อย่างไรก็ตาม...ธรรมชาติและโอโซนของที่นี่ สวยงามไม่เลือกเวลาอยู่แล้ว

11 : 00 AM
ขับรถข้ามเขาอีกรอบกันเถอะ!
จุดหมาย  กลับ....ปัว

ขากลับก็จะไวหน่อยเพราะชินทางแล้ว
(ครั้งเดียวก็ชินทางได้)


12 : 30 PM
STATION 8 ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ...ปัว

ถือว่าเป็น signature ของที่นี่เลยก็ว่าได้ เพราะหากใครมาเที่ยวปัวแล้วไม่ได้มาร้านกาแฟบ้านไทลื้อแห่งนี้ อาจเรียกได้ว่ามาไม่ถึงปัวได้เลยทีเดียว ร้านแห่งนี้มีที่ให้นั่งชมบรรยากาศกลางทุ่งนาพร้อมกับลมพัดโชยอ่อนๆจนอาจถึงขั้นนั่งหลับไปเลยก็ได้ แถมราคาก็ไม่แพงอีกด้วย


หมดเวลาของปัวแล้ว
Next..นั่งรถสองแถวเข้าตัวเมืองน่าน
(อย่าลืมเอารถที่เช่ามาไปคืนนะคะ :D)




จาก ปัว ไป น่าน  by .....รถสองแถว..... 




03 : 30 PM
ณ ตัวเมืองน่าน


มาใช้ชีวิตคูลๆ เป็นคนรักษ์โลก รักษาสิ่งแวดล้อมกันเถอะ เพราะที่สำนักงานพื้นที่พิเศษเมืองน่าน มีบริการจักรยานให้ยืมใช้ "ฟรี" ด้วยนะคะ เปิด google map มาขอยืมจักรยานที่นี่ได้เลยค่ะ แต่ต้องคืนก่อน 4 ทุ่มนะคะ ห้ามยืมข้ามวัน หากใครที่ตื่นเช้า สักตี 5 มายืมใหม่ก็ได้ :D

สำหรับการเดินทางที่นี่ เราไม่เสียค่าใช้จ่ายสักบาทเลยค่ะ เพราะทำอยู่ 2 อย่าง คือ ไม่ปั่นจักรยานก็เดินเอา

ด้วยความเป็นเมืองเล็กๆที่มีมาอย่างช้านาน มีการอพยพเข้ามาของชาวไทลื้อจากดินแดนสิบสองพันนา ซึ่งปัจจุบันคือมณฑลยูนนาน ประเทศจีน จนกระทั้งถูกผนวกเข้ากับอาณาจักรล้านนาในสมัยอยุธยา ด้วยเหตุผลความต้องการด้านทรัพยากรเกลือ ทำให้เมืองเก่าเล็กๆแห่งนี้มีกลิ่นอายอารยธรรมล้านนาผสมผสานกับอารยธรรมไทลื้อจนกลายมาเป็นเอกลักษณ์ทางศิลปวัฒนธรรมที่มีคุณค่าและความน่ารักในตัวเอง ปัจจุบันจังหวัดน่านมีการผลักดันการสร้าง “จิตสำนึก” ให้คนในชุมชนอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและขนบธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น เพื่อนำไปสู่การเป็น "เมืองแห่งมรดก"

ชุมชนเมืองน่าน เล็กๆ สงบๆ และภาพ "กระซิบรักบันลือโลก" ทั่วทั้งเมือง


06 : 00 PM
STATION 9 ถนนคนเดือนข่วงเมืองน่าน

ขา shop ที่ชอบเดินตลาด (เหมือนเรา) ขอเตือนว่าพลาดไม่ได้สำหรับที่นี่ !

จัดขึ้นบริเวณถนนผากอง ข้างวัดภูมินทร์ ตั้งแต่ 5.00 – 10.00 PM. คือมันดีมากกกกกก ของกินเยอะแยะเต็มไปหมดดดด อดคิดไม่ได้ว่าถ้ามีบ้านอยู่แถวนี้คงต้องอ้วนตายแน่ๆ นอกจากของกินแล้วก็ยังมีเสื้อผ้า ของฝาก บลาๆๆ น่าช้อปเต็มไปหมด เมื่อได้ของกินกันแล้ว สามารถนั่งทานในงานได้เลย เพราะเทศบาลเมืองน่านได้จัดขันโตกพื้นเมืองสำหรับนั่งทานของที่ซื้อในงาน พร้อมฟังเพลง & ชมการแสดง ไปด้วย สรุปคือดี! ไม่ต้องกังวลเรื่องที่ไม่พอนะคะ ที่เต็มไปหมดเลยค่ะ พูดได้เลยว่า "อร่อย ถูก ฟินสุดๆ"



เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว..ขอเตือนไว้ก่อนนะคะ
ถ้าคุณคิดว่าจะรวมขยะทั้งหมดใส่ถุงเดียวเพื่อเอาไปทิ้งแล้วล่ะก็ อย่าเพิ่งทำแบบนั้น!! เพราะที่นี่
เป็นเมืองต้นแบบเรื่องการจัดการขยะ ทางเทศบาลได้จัดให้มีการคัดแยกขยะอย่างละเอียด ดังนี้ ขวดน้ำพลาสติก ไม้เสียบลูกชิ้น เศษอาหาร หลอดดูด แก้วน้ำ และขยะทั่วไป โดยมีเจ้าหน้าที่จิตอาสาคอยกำกับดูแล ขอพูดอีกครั้งว่า "อร่อย ถูก ฟิน แล้วยังรักษ์โลกอีก"




ถือว่าเป็นโครงการที่ดีมากๆ เนื่องจากเมื่อมีการท่องเที่ยวเกิดขึ้น ปัญหา "ขยะ" ก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย หากทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการรณรงค์ มีคนในชุมชนเป็นต้นแบบที่ดี นักท่องเที่ยวก็จะปรับตัวตามชุมชน สร้างจิตสำนึกที่ดีให้แก่นักท่องเที่ยวในครั้งต่อๆไป เพื่อการท่องเที่ยวแบบยั่งยืน


อิ่มแล้ว.. นอนกันเถอะ


DAY 3

09 : 30 AM
STATION 10 วัดภูมินทร์  


ภายในวัดมีจิตกรรมฝาผนังของจิตรกรพื้นถิ่นเชื้อสายไทลื้อที่ถูกยกย่องว่าสมบูรณ์ที่สุดในด้านอารมณ์และองค์ประกอบ มีสีสันและวิธีลงฝีแปลงคล้ายกับภาพวาดสมัยใหม่ มีการนำเสนอชีวิตและวัฒนธรรมของยุคสมัยที่ผ่านมาตามพงศาวดารของเมืองน่าน ส่วนหนึ่งในจิตกรรมนี้เป็นภาพ "ปู่ม่าน-ย่าม่าน" ที่มาของตำนาน "กระซิบรักบันลือโลก" เอกลักษณ์ของเมืองน่านนั่นเอง

ภาพจิตกรรมฝาผนังภายในวัดภูมินทร์ วาดโดยจิตรกรพื้นถิ่นเชื้อสายไทลื้อ



จากภาพจิตกรรมที่นำเสนอวิถีชิวิตของชาวเมืองน่านสมัยก่อน จะเห็นว่าผู้ชายทุกคนมักมีลอยสักตามร่างกายตนเอง โดยเฉพาะบริเวณต้นขาที่ให้ความรู้สึกคล้ายๆการใส่เลกกิ้งในสมัยนี้ แต่จริงๆแล้วรอยสักในสมัยนั้นเป็นตัวบ่งบอกถึงฐานะของแต่ละคน ชายใดมีรายสักมากก็ยิ่งรวยมาก หรือแม้กระทั้งชายใดที่ไม่มีรวยสักเลยก็จะไม่ได้แต่งงาน เนื่องจากเชื่อว่าชายคนนั้นไม่มีความอดทน ไม่เหมาะกับการเป็นผู้นำ


10 : 00 AM
STATION 11 วัดระธาตุช้างค้ำวรวิหาร

อยู่ตรงข้ามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ภายในวัดประดิษฐาน เจดีย์ช้างค้ำ ซึ่งเป็นศิลปสมัยสุโขทัย โดยมีมีรูปช้างค้ำทั้งหมด 24 เชือก ล้อมรอบบริเวณฐาน นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูปทองคำ ปางลีลา ซึ่งเป็นทองคำ 65 % สูง 145 เซ็นติเมตร ศิลปะสุโขทัย ประดิษฐานอยู่ที่หอพระไตรปิฎกใหญ่ที่สุดในประเทศ





10 : 30 AM
STATION 12 วัดมิ่งเมือง / เสาหลักเมืองน่าน

เดิมทีเป็นวัดร้าง มีเสาหลักเมืองที่เป็นท่อนซุงขนาดใหญ่ จากนั้นในราวปี 2400 ได้รับการบูรณะและถูกสถาปนาเป็น "วัดมิ่งเมือง" โดยเจ้าอนันตวรฤทธิเดช เจ้าครองนครน่าน ต่อมาปี 2527 ได้มีการรื้อถอนและสร้างอุโบสถหลังใหม่เป็นแบบล้านนาร่วมสมัยแบบในปัจจุบัน ลักษณะเด่นคือ ลายปูนปั้นที่ผนังด้านนอกของพระอุโบสถ มีความงดงามและวิจิตรบรรจงมาก โดยฝีมือของตระกูลช่างเชียงแสน บริเวณหน้าวัดเป็นที่ประดิษฐานเสาหลักเมือง สันนิษฐานว่าอาจจะสร้างขึ้นในสมัยเจ้าอัตถวรปัญโญ เป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน




11 : 00 AM
STATION 13  พิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ น่าน

ด้วยความที่เมืองน่าน...มีความสำคัญทั้งทางประวัติศาสตร์ และทางศิลปวัฒนธรรม จึงเป็น 1 ใน 44 พิธภัณฑสถานแห่งชาติในประเทศที่ถูกจัดตั้งขึ้น เพื่อเก็บรวบรวมสิ่งของที่มีความสำคัญของชาติประจำท้องถิ่นนั้นๆ ให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม เรียนรู้และศึกษาประวัติศาสตร์และความเป็นมาของชนชาติไทยผ่านสิ่งของที่เก็บรวบรวมไว้ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติแห่งนี้

ด้านหน้าพิพิธภัณฑ์เป็นซุ้มดอกลีลาวดี ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูป และ check in กัน

แกลลอรี ในเขตพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติ น่าน


01 : 30 PM
STATION 14 วัดพระธาตุแช่แห้ง

ปัจจุบันเป็นพระอารามหลวง อยู่ห่างจากตัวเมืองออกไปประมาณ 3 กิโลเมตร ตั้งอยู่บนเนินเขาลูกเตี้ย ๆ เป็นสีทองสุกปลั่ง มีความสวยตามตามศิลปะแบบล้านนา อีกทั้งยังเป็นอนุสรณ์ของความรักและความสัมพันธ์ระหว่างเมืองน่านกับเมืองสุโขทัยในอดีต



03 : 00 PM
STATION 15  ร้านกาแฟ น.น่าน



บรรยากาศร้านมีความอบอุ่น เรียบง่าย ให้กลิ่นอายความเป็นท้องถิ่น ถูกรีโนเวทมาจากบ้านไม้ 2 ชั้นตามแบบฉบับบ้านของชาวบ้านทั่วไป ส่วนเรื่องเมนูก็ไม่ธรรมดา เพราะเคล็ดลับของทางร้านคือการปั่นอัดอากาศเข้าไปทำให้กาแฟที่ออกมาเสมือน Nitro Cold Brew หรือกาแฟไนโตร ที่มีการชงแบบ Cold Brew ก่อนอัดไนโตรเจนเข้าไปคล้ายระบบเบียร์ ช่วยดึงรสชาติและกลิ่นหอมของเมล็ดกาแฟออกมาให้ลูกค้าได้ลองชิมกันอีกด้วย



05: 00 PM

เดินทางกลับกรุงเทพฯ


******จบทริป********




สรุปค่าใช้จ่ายการ backpack ไปเที่ยว "น่าน - ปัว - บ่อเกลือ 3 วัน 2 คืน"
(ไม่รวมค่าอาหาร และค่าจุกจิกที่ขึ้นอยู่กับไลฟ์ไตล์ของแต่ละคน) 


  • รถทัวร์ (ม.4 ข) หมอชิต - ปัว 508 บาท 
  • เช่ามอเตอร์ไซด์ 1 วันครึ่ง 400 บาท ---- หารกับเพื่อน เหลือ 200 บาท/คน 
  • เติมมอเตอร์ไซด์ 50 บาท ---- หารกับเพื่อน เหลือ 25 บาท/คน 
  • ที่พัก บ่อเกลือ 1 คืน 500 บาท ---- หารกับเพื่อน เหลือ 250 บาท/คน 
  • รถสองแถว ปัว - น่าน 50 บาท 
  • ที่พัก ตัวเมืองน่าน 500 บาท ---- หารกับเพื่อน เหลือ 250 บาท/คน 
  • รถทัวร์ (ม.4 ข) น่าน - หมอชิต 466 บาท

รวมค่าใช้จ่ายตลอดทั้งทริป   1,749   บาท/คน



หลังจากหนึ่งทริปจบลง หากคุณตั้งเป้าหมายว่าจะมีทริปต่อๆไปในครั้งหน้า นั่นหมายความว่า คุณเป็นอีกหนึ่งคนที่มองเห็นคุณค่าของประสบการณ์ที่ได้จากการท่องเที่ยว มาทำให้การท่องเที่ยวของคุณเป็นประสบการณ์ที่มีคุณค่าในสไตล์ที่เป็นคุณกันเถอะ





ความคิดเห็น

  1. ชอบเนื้อหาที่เข้าใจง่าย เหมือนอ่านไดอารี่เล่มนึง รูปภาพถ่ายได้สวยมากเลยค่ะ

    ตอบลบ

แสดงความคิดเห็น